ยืนอยู่บนหน้าผาข้างหน้านั้นคือ
หุบเหวที่ลึกลงไปสุดใจไม่มีเขตกั้น
ความอันตราย จะรอดหรือตายใครรู้
มีแค่เชือกเพียงเส้นหนึ่งตรึงทอดยาวอยู่
เป็นดั่งเหมือนประตูสู่แดนที่ไกลห่าง
เชือกบาง ๆ ประทับรอยเท้าแม้ใจสั่น
แต่ฉันจะก้าวไป
ไม่กลัวพายุที่โถมมาทำใจเหน็บหนาว
ไม่กลัวความมืดเพราะแสงดาวจะเป็นความหวัง
ทางเดินจะชันสักเท่าไรจะไม่หยุดยั้ง
แม้บางครั้งยังเสียการทรงตัว
เทวดาบนฟ้ายังมองเข้ามา
หอบลมให้พัดแผ่วเบากระทบที่ใบหน้า
ให้ใจไม่หวั่นไหวในคืนที่กายอ่อนล้า
เพราะว่าเชือกเพียงเส้นหนึ่งที่ตรึงทอดยาวอยู่
เป็นดั่งเหมือนประตูสู่แดนที่ไกลห่าง
เชือกบาง ๆ ประทับรอยเท้าแม้ใจสั่น
แต่ฉันยังคงก้าวไป
ไม่กลัวพายุที่โถมมาทำใจเหน็บหนาว
ไม่กลัวความมืดเพราะแสงดาวจะเป็นความหวัง
ทางเดินจะชันสักเท่าไหร่จะไม่หยุดยั้ง
แม้บางครั้งยังเสียการทรงตัว
จุดหมายจะไกลสักเท่าไหร่จะฝ่าฟัน
ศรัทธาในใจเราเท่านั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
หุบเหวมองลงไปครั้งใดถ้าทำให้ใจเรานั้นอ่อนแรง
รอตอนเช้าให้แสงตะวันช่วยนำทาง
มีแค่ใจ เพียงหนึ่งดวง ที่ยังคงเร่งไป
อย่างรวดเร็ว บนทางไกล เกินความจริงที่ยัง
อยู่ตรงนี้ ผ่านเดือนปี ที่ความกลัวครอบงำ
แต่ไม่ลืม สิ่งเหล่านั้น ที่ยังคงก้องดัง
ก็คือเสียง แห่งความรัก ที่ยังคงเรียกไป
ให้ไปเจอ ให้ไปค้น กอดมันไว้ให้ได้
ต่อให้ฟ้า ต่อให้เขา มันจะพังทลาย
จะยังคง เดินทางไป จากตรงนี้
ไม่กลัวพายุที่โถมมาทำใจเหน็บหนาว
ไม่กลัวความมืดเพราะแสงดาวจะเป็นความหวัง
ทางเดินจะชันสักเท่าไรจะไม่หยุดยั้ง
แม้บางครั้งยังเสียการทรงตัว
จุดหมายจะไกลสักเท่าไรจะฝ่าฟัน
ตะวันยังรอเราบนฟ้าไม่เคยเปลี่ยนไป
พิสูจน์ให้รู้ว่าหัวใจของผู้ชนะนั้นเป็นเช่นไร
หกและล้มจะเดินต่อไหวได้ทุกคราว
ไม่กลัวพายุที่โถมมา ทำใจเหน็บหนาว
ไม่กลัวความมืดที่ขอบฟ้า เพราะมีแสงดาว
แม้บางครั้งยังเสียการทรงตัว
จุดหมายจะไกลสักเท่าไร จะฝ่าฟัน
ยังคงศรัทธาในหัวใจ ของเราเท่านั้น
หุบเหวมองลงไปครั้งใด แค่ความกลัววัดใจฉัน
รอตอนเช้าให้แสงตะวันช่วยนำ ทาง